วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553


อานิสงส์บวช

บวชนี้ย่อมมีผลานิสงส์อย่างมากมาย องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสเทศนาอานิสงส์แห่งการ
บรรพชาอุปสมบทไว้โดยอเนกประการว่า ทาสสฺส อานนฺท ดูกรอานนท์ บุคคลใดมีศรัทธาบรรพชา
ทาสกรรมกรให้เป็นสามเณร หรือสามเณร มีอานิสงส์ ๔ กัล์ป บวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี มีอานิสงส์
๘ กัล์ป และถ้าอุปสมบทจะได้รับอานิสงส์ ๑๖ กัล์ป หากอุปสมบทได้อานิสงส์ ๓๒ กัล์ป


ถ้าอุปสมบทตนเองในพระพุทธศาสนา ด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ถึง ๖๔ กัล์ป บุคคลใดได้
บรรพชาบุตรตนก็ดี บุตรของผู้อื่นก็ดี ก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ
แล้วพระองค์ตรัสอีกว่าดูกรอานนท ์ดังจะเห็นได้จากหญิงผู้หนึ่ง เขามีบุตรอยู่คนเดียว บุตรชายเขาขอไปบวชมารดาก็ไม่ให้บวชบุตรชายจึงหนีไปบวช อยู่มาวันหนึ่งมารดาของสามเณรนั้นออกจากบ้านไปแต่เช้า เพื่อจักแสวงหาฟืน ครั้นมารดาสามเณรหาฟืนได้พอสมควรแล้วก็กลับบ้าน พอมาถึงระหว่างทางได้พักอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ แล้วลงนอนพักผ่อนก็หลับไป

ได้นิมิตรฝันไปว่ามีพระยายมราชมาถามว่า "ดูกรผู้หญิง เธอได้กระทำบุญหรือว่าไม่ได้กระทำเลย"
มารดาของสามเณรนั้นตอบว่า "ข้าแต่เจ้า ดิฉันไม่ได้กระทำบุญอย่างไรเลย"
พระยายมราชทราบแล้ว ก็จับเอาผู้หญิงนั้นไปใส่นรกทันที และ
ได้เห็นไฟนรกลุกโพรงก็ถามพระยายมราชว่า "อันไฟแดงนั้นเป็นอย่างไร"
พระยายมราชว่า "อันไฟแดงนั้นเป็นไฟนรก"
ผู้หญิงจึงบอกว่า "เหมือนกับผ้าจีวรของลูกชายของข้าพเจ้าอันได้บวชเป็นสามเณรนั้นแล"
พระยายมราชจึงกล่าวว่า "ดูกรผู้หญิง ลูกชายของเธอยังได้บวชหรือ" นางก็ตอบว่า "ลูกชายยังได้บวชเป็นสามเณรอยู่" พระยายมราชได้ยินคำของนางดังนั้นแล้ว จึงนำนางมาคืนไว้เดิมเสีย เหตุอันนี้ก็เพราะบุญของลูกชายตนได้บวชเป็นสามเณร ในพุทธศาสนาไปกั้นไว้ในนรกได้ ครั้นนางตื่นขึ้นมาก็ตกใจกลัวรีบกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นนางก็เลื่อมใสในพุทธศาสนา เฝ้าปฏิบัติสามเณรลูกชายของตน มิได้ขาดจนนางได้ตายไปตามอายุขัยก็ไปบังเกิดในสวรรค์ดั้งนี้ เป็นต้น

ที่มา www.84000.org